วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2563

กรอบแนวคิดมาตรฐานการรายงานทางการเงินฯ (NPAEs)


ในการจัดทำงบการเงินตาม "มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (Non-Publicly Accountable Entities : NPAEs) ย่อมเป็นไปตามกรอบแนวคิดของมาตรฐานฉบับนี้







ข้อสมมติฐานในการนำเสนองบการเงิน ได้แก่ เกณฑ์คงค้าง และ เกณฑ์การดำเนินงานต่อเนื่อง โดยครอบคลุมถึง
1. วัตถุประสงค์ของงบการเงิน
2. ผู้ใช้งบการเงิน และความต้องการข้อมูลของผู้ใช้
3. ลักษณะเชิงคุณภาพของข้อมูลในงบการเงิน
4. คำนิยามและการรับรู้องค์ประกอบของงบการเงิน
5. การวัดมูลค่าองค์ประกอบของงบการเงิน

วัตถุประสงค์ของงบการเงิน
เป็นการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับฐานะการเงิน และผลการดำเนินงานของกิจการที่มีประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลกระทบจากเหตุการณ์ในอดีต

ผู้ใช้งบการเงิน และความต้องการข้อมูลของผู้ใช้
พอสรุปได้ดังนี้
ลักษณะเชิงคุณภาพของข้อมูลในงบการเงิน
พอสรุปได้ดังนี้
คำนิยามและการรับรู้องค์ประกอบของงบการเงิน
การวัดมูลค่าองค์ประกอบของงบการเงิน
แบ่งได้ดังนี้
1. ราคาทุนเดิม หมายถึง จำนวนเงินที่ต้องจ่ายชำระเพื่อให้ได้มาซึ่งสินทรัพย์หรือจำนวนเงินที่ได้รับจากการก่อหนี้สิน ณ วันที่รับรู้เมื่อเริ่มแรก
2. ราคาทุนปัจจุบัน หมายถึง จำนวนเงินที่ต้องจ่ายชำระเพื่อให้ได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่เทียบเคียงกับสินทรัพย์นั้น หรือที่จะต้องชำระภาระผูกพันในขณะนั้น
3. มูลค่าที่จะได้รับหรือชำระ จำนวนเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่การบังคับขายในวันที่วัดมูลค่าสินทรัพย์นั้น หรือต้องจ่ายเพื่อชำระหนี้สินโดยไม่ต้องคิดลด
4. มูลค่าปัจจุบัน คือ กระแสเงินสดรับหรือจ่ายสุทธิในอนาคต โดยมาแสดงในปัจจุบัน
5. มูลค่ายุติธรรม คือ จำนวนเงินที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงแลกเปลี่ยนสินทรัพย์หรือจ่ายชำระหนี้ในขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีความรอบรู้และเต็มใจ

อ้างอิงข้อมูล :
  •  มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2563

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด

ในบทความนี้จะแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ
เงินสด (Cash) หมายถึง เงินสดในมือและเงินฝากธนาคาร รวมถึงเช็คที่ถึงกำหนดชำระและยังมิได้นำฝากด้วย
รายการเทียบเท่าเงินสด (Equivalent Cash) หมายถึง เงินลงทุนระยะสั้น (ปกติคือไม่เกิน 3 เดือน) ที่มีสภาพคล่องสูงพร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นเงินสดในจำนวนที่ทราบได้ มีความเสี่ยงน้อยอย่างไม่เป็นสาระสำคัญ

ประเด็นที่ออกสอบบ่อย
สำหรับผู้ที่กำลังเตรียมการทดสอบ TA ควรฝึกทบทวนความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่อไปนี้
1. การบันทึกเกี่ยวกับเงินสดย่อย
   เงินสดย่อย (Petty cash) เป็นวงเงินสดที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อนำมาใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆภายในกิจการ โดยการบันทึกบัญชีสามารถทำได้ 2ลักษณะ คือการบันทึกแบบไม่จำกัดวงเงิน กับการบันทึกแบบจำกัด (ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมใช้) ในบทความนี้ผู้เขียนขออนุญาตอธิบายเฉพาะวิธีแบบจำกัดวงเงินเท่านั้น

ตัวอย่าง ระหว่างปี บริษัทตั้งวงเงินสดย่อย 20,000 บาท ณ วันสิ้นงวดบัญชีตรวจนับเงินสดย่อยเหลือเพียง 6,100 บาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ยังไม่ได้นำมาเบิก 2 รายการ คือ ค่าซื้อวัสดุสำนักงาน 4,200 บาท และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด 9,700 บาท 

*** หากกิจการใช้วิธีแบบจำกัดวงเงิน ระหว่างปีหากมีรายการเคลื่อนไหว การบันทึกรายการจะไม่กระทบบัญชีเงินสดย่อยแต่อย่างใด

2. การกระทบยอดเงินฝากธนาคาร
    การกระทบยอดเงินฝากธนาคาร สามารถทำได้ 3 วิธี ได้แก่ กระทบยอดจากสมุดบัญชีกิจการไปหายอดคงเหลือของธนาคาร, กระทบยอดจากยอดคงเหลือของธนาคารไปหาสมุดบัญชีกิจการ และกระทบยอดเพื่อหายอดคงเหลือที่ถูกต้อง (ง่ายสุดใน 3 วิธี)

ตัวอย่าง บริษัทต้องการทำงบกระทบยอดสำหรับเดือน พฤศจิกายน 25x1 โดยมียอดคงเหลือ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน สำหรับยอดคงเหลือตามใบแจ้งยอดจากธนาคาร จำนวน 18,200 บาท และตามสมุดบัญชีของกิจการจำนวน 9,480 บาท ผู้จัดการตรวจพบข้อผิดพลาด ดังนี้
1. ระหว่างเดือนนำธนาคารเรียกเก็บเงินตามตั๋วเงินให้โดยมีเงินต้น 40,000 บาท ดอกเบี้ย 1,200 บาท มีค่าธรรมเนียมธนาคาร 900 บาท
2. นำคนฝากเข้าบัญชีธนาคาร 6,900 บาท แต่พนักงานบัญชีบันทึกไว้จำนวน 6,000 บาท
3. ณ วันสิ้นเดือนนำเช็ค 1 ฉบับ จำนวน 29,800 บาทฝากเข้าบัญชีซึ่งไปขึ้นเงินในเดือน ธันวาคม 25x1
4. พนักงานธนาคารนำเช็คของบริษัทอื่นมาหักออกจากบัญชีของกิจการ จำนวน 29,500 บาท
5. ดอกเบี้ยเงินเบิกเกินบัญชีที่กิจการยังไม่ได้บันทึก จำนวน 615 บาท
6. มีเช็คสั่งจ่ายที่ผู้รับยังไม่นำไปขึ้นเงินจำนวน 26,560 บาท

ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้ที่ศึกษาวิชาการบัญชี และผู้ที่สนใจทั่วไป

อ้างอิง : มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ

วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2562

อยากเป็น Tax Auditor ทำอย่างไร

หลาย ๆ ท่านต้องการเป็น Tax Auditor (T.A.) หรือ "ผู้สอบบัญชีภาชีอากร" บทความนี้ผู้เขียนจะนำท่านเข้าสู่การเตรียมความพร้อมมาเริ่มกันเลยครับ

ผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี
ลำดับแรกอยากให้ท่านทำความเข้าใจก่อนว่า " ผู้สอบบัญชีภาษีอากร" เหมือนหรือต่างกับ " ผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีหรือไม่อย่างไร
ผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี จะหมายถึงคน 2 กลุ่ม คือ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต หรือป็นที่รู้จักกันทั่วไปคือ CPA และที่เรากำลังจะพูดถึงคือ ผู้สอบบัญชีภาษีอากร หรือเรียกง่าย ๆ ว่า "TA"

CPA จะเป็นผู้ตรวจสอบงบการเงินของนิติบุคคลทุกประเภท เช่น บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล มูลนิธิหรือสมาคม เป็นต้น โดยมีลักษณะรายงานเป็นการให้ความเชื่อมั่น
TA สามารถตรวจสอบงบการเงินได้เช่นกัน แต่จำกัดเพียงห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเท่านั้น สำหรับการรายงาน จะเป็นการรายงานข้อเท็จจริงที่ตรวจพบ

ต้องจบการศึกษาระดับใด สาขาอะไร
ผู้ที่จะเข้ารับการการทดสอบ TA จะผ่อนคลายกว่า CPA ตรงที่ไม่มีการฝึกงานเพื่อเก็บชั่วโมงเหมือนกับ CPA เพียงแต่ท่านจบปริญญาตรี สาขาวิชาการบัญชี จากสถาบันการศึกษาที่ได้การรับรอง และมีคุณสมบัติส่วนตัวไม่ขัดกับหลักเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนด เช่น อายุ 20 ปี มีสัญชาติไทย เป็นต้น

ขอบเขตวิชาการทดสอบ
ผู้เขียนขออนุญาตแนะนำพร้อมอธิบายรายละเอียดเนื้อหาไปพร้อม ๆ กันเลยนะครับ ซึ่งขอบเขตจะมี 3 ส่วนด้วยกัน คือ
     1. วิชาการบัญชี  (ไม่ใช๋แค่บัญชีชั้นต้นเหมือนตอนที่เราเรียนปี 1 ในรั้วมหาลัยนะจ๊ะ) มีเนื้อหาที่ประกอบด้วยการบัญชีเกี่ยวกับสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ (เฉพาะที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน) หรืออาจเรียกว่าเป็นบัญชีชั้นกลางสมัยเรียนในมหาลัยก็ว่าได้ (ลองหาซื้อตำราที่ใช้เรียนในระดับมหาลัยมาอ่านดูได้นะครับ) นอกจากนี้ก็มีบัญชีต้นทุน (เยอะอยู่นะ) การนำเสนองบการเงินตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำหนด และท่านควรอ่านมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะที่ออกโดยสภาวิชาชีพบัญชีฯ ประกอบด้วยนะครับ
     2. วิชาการสอบบัญชี  ให้ดูหลักเกณฑ์การปฏิบัติงานและการรายงานตามที่กรมสรรพากรกำหนดตลอดจนจรรยาบรรณของผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี และมาตรฐานการสอบบัญชีที่ประกาศใช้โดยสภาวิชาชีพบัญชีฯ (ดูเหมือนน้อยเนอะ) ซึ่งมาตรฐานการสอบบัญชีมีหลายฉบับ โดยท่านจะต้องดูตั้งแต่การประเมินความเสี่ยงโดยคำนึงถึงการควบคุมภายในของกิจการ แล้วมาจัดทำแนวการสอบบัญชี จากนั้นทำกระดาษทำการเพื่อการตรวจสอบ โดยใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อรวบรวมหลักฐานการสอบบัญชี และพิจารณาความเชื่อถือได้ของหลักฐานด้วย (พอเห็นภาพมั้ยครับ
    3. วิชาความรู้เกี่ยวกับประมวลฯ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะครับ คือ ส่วนแรกประมวลรัษฎากร ซึ่งประกอบด้วยภาษีนิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ อากรแสตมป์ (แค่นี้ก็เยอะม๊ากมาก) อีกส่วนหนึ่งคือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยดูเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นหลักนะครับ

สัดส่วนของคะแนน
การทดสอบจะเป็น อัตนัย (ข้อเขียน) 3 ข้อใหญ่ (กี่ข้อย่อยไม่รู้ แล้วแต่) มีคะแนน 60 คะแนน
กับอีก 40 ข้อปรนัย (Choice) มีคะแนน 40 คะแนน (ข้อละ 1 คะแนน)
เกณฑ์ผ่านคือรวมกัน 60 คะแนน up
ส่วนตัวผู้เขียนชอบทำส่วนของอัตนัยก่อน เนื่องจากว่ามีคะแนนเยอะ หากทำได้หมดทั้ง 3 ข้อใหญ่ได้คะแนนเต็มเรารอดละ (ผู้เขียนคิดเข้าข้างตัวเองอ่ะนะ อย่าเลียนแบบ) ส่วนปรนัยอีก 40 ข้อ ก็ทำไปเรื่อย ๆ จนหมดเวลา    

ท่านต้องเตรียมตัวอย่างไร
1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันที่จะมีการทดสอบ (สิ่งนี้สำคัญมาก ๆ จริง ๆ)
2. จัดลำดับวิชาที่จะทดสอบดี ๆ เนื่องจากว่าในแต่ละวิชามีเนื้อหาค่อนข้างมาก หากประเมินแล้วว่าตัวท่านเองไม่สามารถอ่านทำความเข้าใจได้หมดทั้ง 3 วิชา ไม่จำเป็นต้องลงสนามสอบพร้อมกันทั้ง 3 วิชาก็ได้ เพราะแต่ละวิชาเมื่อสอบผ่านจะสามารถเก็บรักษาไว้ได้ภายใน 3 ปี และหากถามว่าจะเริ่มสอบวิชาใดก่อนดีนั้น โดยส่วนตัวของผู้เขียนชอบที่จะเลือกวิชาที่ยากที่สุดสำหรับตัวเองก่อนเพราะในการสอบครั้งแรก ๆ ยังมีแรงที่จะพยายามผ่านการทดสอบให้ได้ เหลือวิชาที่ส่วนตัวแล้วมองว่าไม่ยากมากไว้ที่หลัง (เนื่องจากพลังงานเหลือน้อย) ทั้งนี้ วิชาใดจะยากสำหรับใครนั้นอันนี้ตอบยาก แต่โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่เข้ารับการทดสอบ TA มักจะไม่มีพื้นฐานด้านการตรวจสอบบัญชีมาก่อนทำให้วิชาการสอบบัญชีเป็นวิชาที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คน
3. พยายามหาความรู้เพิ่มเติมจากการปฏิบัติงาน อย่างที่กล่าวไว้ก่อนหน้า ส่วนใหญ่ไม่เคยผ่านงานสอบบัญชี ที่หนักไปอีกคือไม่เคยทำงาน ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติก็เห็นในข้อสอบอยู่เนือง ๆ ใช่ว่าผู้ที่จบใหม่จะได้เปรียบเสมอไป
4. ฝึกสมาธิ เข้าวัดทำบุญ ไหว้พระ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านนับถือ (อย่างน้อยก็ใจชื้นก่อนสอบนะครับ สมองจะได้แล่น)
5. หนังสืออ่าน ปัจจุบันคงหาได้ไม่ยาก เพียงแค่ท่านมีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็สามารถหาทุกวิชามาอยู่ในมือท่านได้ละ (ถ้าไม่มัวดูอย่างอื่นนะ)

ท้ายสุด บทความนี้ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับท่านที่กำลังเตรียมตัวสอบ TA ไม่มากก็น้อย

อ้างอิง : กรมสรรพากร, ผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี
https://www.rd.go.th/publish/7247.0.html